“ห้ามไปที่เปลี่ยว ๆ คนเดียวตอนกลางคืนนะ” คงเป็นคำคุ้นหูของผู้หญิงหลายๆคนที่ใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ – แต่ทำไมเราต้องอยู่ด้วยความระแวงล่ะ?!
ไม่ว่าใกล้ไกล หรือ ไม่ใช่ว่ามีแสงไม่มีแสงหรอก ไม่ว่าที่ไหนๆในกรุงเทพมันก็ให้ความรู้สึก ‘เปลี่ยว’ สำหรับหลาย ๆ คน และการพัฒนาต่างๆก็ยังไม่ทำให้ผู้หญิงอย่างเรารู้สึกปลอดภัยขึ้นอยู่ดี
เราลองเดินทางในกรุงเทพฯไปกับบริการสำหรับผู้หญิงล้วน ๆ อย่าง GrabCar for Ladies และพูดคุยกับผู้คนกับ “เหยื่อ” ของความเปลี่ยวของกรุงเทพฯ เพื่อเข้าใจว่าทำไมบริการแบบนี้ถึงจำเป็น
“อย่านั่งแท็กซี่คนเดียวตอนกลางคืนนะ” เราเชื่อว่าคงจะคำพูดคุ้นหูของเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ผู้หญิงหลายคน ไม่ว่าจะจากพ่อ แม่ ผู้ปกครอง หรือกระทั่งเพื่อน หรือจะเป็น “ขึ้นแท็กซี่แล้วบอกด้วยนะ”
คำแสดงความเป็นห่วงเหล่านี้ทำให้เราฉุกคิดว่าได้ว่า แค่การเดินทางในชีวิตประจำวัน เรายังต้องระแวง และระวังตัวกันขนาดนี้เลยเหรอ จะมีทางไหนมั้ยนะที่เราจะสามารถเดินทางกลับบ้านด้วยความรู้สึกปลอดภัย ไร้ความกังวล ทั้งตัวผู้โดยสาร และคนรอบตัวของเรา นี่ไม่ได้พูดถึงการเมากลับบ้านตอนกลางคืนอีกนะ !
เชื่อว่าคนไทยทุกคนน่าจะเคยชินกับข่าวการโดนแท็กซี่จี้ปล้น หรือโดนแท็กซี่ข่มขืน กลายเป็นข่าวคุ้นชินหู จนกลายเป็นนิสัยไม่ไว้ใจแท็กซี่ของคนไทยไปซะแล้ว โดยเฉพาะคุณผู้หญิง
นอกจากจะกลัวโดนปล้นแล้ว ยังต้องระแวงว่าจะโดนหลอกไปข่มขืนด้วยมั้ย ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดจากการคิดมากของผู้หญิง แต่หากเป็นความกังวลที่กลายเป็นชีวิตประจำวันของทุกคนไปแล้ว
เหยื่อการคุกคามทางเพศจากแท็กซี่คนนึงให้ข้อมูลกับเราว่า เคยโดนล่วงละเมิดทางเพศจากแท็กซี่ตอนอายุ 14 และยังเคยเกือบโดนข่มขืนโดยแท็กซี่ตอนอายุ 15 หลังจากนั้นพี่ไก่ (นามสมมติ) ก็ไม่กล้าขึ้นแท็กซี่อีกเลยตลอดชีวิต
เราไม่ได้เรียกร้องที่ต้องอยู่เหนือ หรือมีอภิสิทธิ์พิเศษเหนือคนเพศอื่น แต่เราแค่กำลังพยายามใช้ชีวิตประจำวันของเราอย่างปลอดภัย เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่มีใครอยากจะเป็นเหยื่อของการถูกคุกคามทางเพศ
เราได้มีโอกาสคุยกับพี่ปุ้ม คนขับ Grab Car ที่เริ่มมารับงาน GrabCar for Ladies มาได้เกือบ 2 ปีแล้ว
“ตอนแรกพี่ก็ไม่รู้ว่ามันจะเวิร์กมั้ย แต่พอเปิดรับ ก็มีผู้โดยสารเรียก GrabCar for Ladies ทุกวันนะ ตอนโควิดซา ๆ ถ้าวันไหนขับตอนกลางคืนก็คือมีทุกคืน”
“พี่ว่าเขาก็คงสบายใจกับเรามากกว่าแหละ ยิ่งเดินทางคนเดียวตอนกลางคืนด้วยนะ
ถ้าเป็นเพื่อน หรือญาติผู้หญิงพี่ พี่ก็คงสบายใจกว่าถ้าได้รู้ว่าคนขับรถเป็นผู้หญิงเหมือนกัน”
เราถามพี่ปุ้มไปว่า คิดยังไงกับที่มีคนบอกว่าผู้หญิงเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศ แต่ทำไมต้องมี Grab Car for Ladies หรือ Lady parking (ลานจอดรถสำหรับผู้หญิง) ทั้ง ๆ ที่ทุกเพศก็อันตรายพอ ๆ กัน
“มีคนคิดแบบนี้จริง ๆ เหรอ
พี่ว่าถ้าบอกว่าทุกเพศก็อันตรายพอ ๆ กัน แล้วทำไมถึงไม่มี GrabCar for men บ้างล่ะ จริงมั้ย”
ก็นั่นน่ะสิ ฮ่าฮ่าฮ่า
พี่ปุ้มเล่าให้ฟังว่าเคยไปส่งผู้โดยสารที่บ้านอยู่ลึกมากกก (ลากเสียงกอไก่) จนพี่ต้องถามเขาว่านี่เรายังอยู่ในกรุงเทพใช่มั้ย
ขาเข้าไปก็ว่าน่ากลัวแล้วนะ แต่พอขาออกหลังส่งผู้โดยสารแล้วนี่แหละ โอ้โห รีบเหยียบเลย ฮ่าฮ่าฮ่า
เข้าใจพี่ปุ้มเลยนะ เพราะซอยมหาลัยเราก็ลึกมาก จนบางทีแท็กซี่ยังแอบหลอนผู้โดยสารเลย
ผู้โดยสารของพี่ปุ้มบอกว่าปกติมีคนไปรับ แต่พอต้องกลับคนเดียวตอนกลางคืน เลยเลือกที่จะใช้บริการ GrabCar for Ladies เพราะสบายใจมากกว่า
ในกรุงเทพมันซอยเยอะด้วยแหละพี่ว่า ถึงนั่งรถเมล์ รถไฟฟ้ามาลงแถวบ้านแล้วก็ยังต้องต่อรถเข้าซอยลึกไปอีก หลายคนเลยเลือกที่จะเสียเงินรอบเดียวให้ Grab ไปเลย
เราว่าปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาที่แก้ง่ายเลยนะ เพราะเราอาจจะต้องโทษตั้งแต่ผังเมืองของกรุงเทพที่เป็นแบบนี้ ซอยเปลี่ยวเยอะ ซอยตันเยอะ หรือขนส่งสาธารณะที่ไม่ทั่วถึง
แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว
ตั้งแต่มาทำ GrabCar for Ladies เคยรับผู้โดยสารแปลก ๆ บ้างมั้ย
พี่ปุ้มตอบทันทีเลยว่า “มี ๆๆๆ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้โดยสารที่ขึ้นหลังผับเลิก มีทั้งร้องไห้ ตะโกน อ้วก หรือปีนมานั่งคุยข้าง ๆ เลยก็มี ฮ่าฮ่าฮ่า”
เคยเจอชื่อคนเรียกเป็นผู้ชายนะ เราก็งงว่าเขากดผิดรึเปล่า แล้วเขาก็บอกว่าเขาเรียกให้แฟนที่ไปเที่ยวสถานบันเทิง แล้วต้องกลับบ้านคนเดียว เราถึง อ๋อ
ความจริงเดี๋ยวนี้เยอะนะที่แฟนผู้ชายเรียก GrabCar for Ladies ให้ไปรับแฟนผู้หญิง เขาก็คงมองว่าเขาสบายใจกว่าที่คนขับเป็นผู้หญิง
จริงนะ เวลาขึ้นแท็กซี่ หรือ เรียก Grab ถ้าคนขับเป็นผู้หญิง บางทีเราเคยกล้าหลับบนรถด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่ถูกสอนว่าตั้งแต่เด็กว่าห้ามหลับบนรถแท็กซี่ มันคงเป็นความสบายใจอะไรซักอย่างมั้ง เราก็อธิบายไม่ถูก มันเหมือนคนขับก็เป็นผู้หญิง เขาน่าจะเข้าใจเราอะไรแบบนี้
สิ่งที่เราต้องการจากเมืองนี้ก็คงจะไม่ได้มากไปกว่าคนอื่น ๆ แค่การรับรองความปลอดภัยว่าเราจะสามารถใช้ชีวิตตามปกติของเราได้อย่างเต็มที่ – แต่ในเมื่อเมืองนี้ ประเทศนี้ ไม่สามารถรับรองอะไรให้เราได้ซักอย่าง
สุดท้ายเราก็ต้องทำเหมือนที่คนไทยชอบพูดกันว่าให้เริ่มที่ตัวเอง กลายเป็นว่าเมืองหลวงที่ศิวิไลซ์แห่งนี้ ไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัย หรือสามารถใช้ชีวิตของตัวเองได้
เราเป็นคนนึงที่เวลาขึ้นรถแท็กซี่ เราจะตื่นตัวมากเป็นพิเศษ ทั้งเปิด GPS ในมือถือเพื่อดูว่าไม่ได้ขับออกนอกเส้นทางใช่มั้ย แชตบอกเพื่อน บอกพ่อแม่ว่าขึ้นแท็กซี่แล้วนะ
เราระแวงแท็กซี่จนบางทีก็รู้สึกผิดกับพี่แท็กซี่นะ แต่เราก็กำลังทำเพื่อตัวเราเองเหมือนกัน รู้เรานะว่าผู้ชายทุกคนไม่ใช่คนไม่ดี แต่เราแค่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนไม่ดีบ้าง สิ่งที่เราทำได้มากที่สุดคงเป็นดูแลตัวเอง และระวังตัวให้ได้มากที่สุด
หลังจากเราได้ลองใช้บริการ GrabCar for Ladies มาหลายหน ได้พูดคุยกับพี่ ๆ คนขับหลายคน จุดร่วมของทั้งคนขับและผู้โดยสารของ GrabCar for Ladies ก็คือการเพิ่มเงินอีกนิด เพื่อเพิ่มความสบายใจให้ตัวเอง และคนรอบตัว
สุดท้าย ถ้าเรามีกำลังพอจะจ่ายค่าโดยสารเพิ่มขึ้น เพื่อแลกกับความปลอดภัย และสบายใจในการโดยสารรถสาธารณะ ก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องจ่าย
ในเมื่อความปลอดภัยในเมืองนี้มีราคาแพงเหลือเกิน