กระแส ‘ต้นไม้ฟีเวอร์’ มันคือ ‘แฟชั่น’ แหละ!
ใครๆก็รู้ว่าช่วงนี้ต้นไม้แพงมาก บางต้นจู่ๆมูลค่าก็เพิ่มขึ้นเป็นสิบเป็นร้อยเท่า! แปลว่ามีคนสนใจรอซื้ออยู่ตลอดในราคาที่สูงขึ้นเรื่อยๆเหรอ? แบบนี้มันไม่ใช่แค่งานอดิเรกเหมือนเมื่อก่อนแล้วสิ!
แล้วพ่อค้าแม่ค้าในตลาดต้นไม้จตุจักร คิดยังไงกับกระแส ‘ต้นไม้ฟีเวอร์’ แล้วจริงๆมันมีผลกระทบอะไรบ้างกับ “คนรักต้นไม้”
เห็นว่ากระแสต้นไม้กำลังมาแรง เราเลยขอไปเดินดูตลาดนัดจตุจักรวันอังคารซักหน่อย ลองถามพ่อค้าแม่ขายอัพเดทดูว่าเป็นยังไงกันบ้าง
สิ่งแรกที่สะดุดตาคือรอยสัก “Live with plants” บนแขนของพ่อค้าหน้าคม พอมองดูดีๆอ้าว นี่คุณจอม-ศรุต นักแสดงที่ชื่นชอบต้นไม้จนมาทำเป็นธุรกิจนี่นา!
คุณจอมบอกว่าข้อความที่เป็นทั้งชื่อของเพจที่เค้าสร้างขึ้นไว้ให้ความรู้ สื่อสารกับลูกค้า และแปลตรงตัวได้ว่า ‘อยู่กับต้นไม้’ ทำให้นึกถึงข้อความของมาร์ค จาคอบ แฟชั่นดีไซเนอร์ชื่อดังที่บอกว่า ‘Clothes mean nothing until someone lives in them.”
‘เสื้อผ้า (และแฟชั่น) จะไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าไม่มีคนทำให้มันมีชีวิต ซึ่งต้นไม้ก็เหมือนกันแหละ ของพวกนี้มันคงมีชีวิตต่อไปไม่ได้ ถ้าเราเอามาแล้วไม่คอยดูแลรดน้ำพรวนดิน หมั่นดูแล และใช้ชีวิตอยู่กับมันจริงๆ
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เราอยากรู้ว่าที่ดาราเค้าอุ้มต้นไม้แล้วราคาขึ้นนี่มันขึ้นจริงรึเปล่า? แต่ใครจะตอบเรื่องนี้ได้ดีไปกว่าคนที่เป็นดาราเอง?
คุณจอมตอบว่าก็คงจะจริง แต่น่าจะเป็นเพราะว่าคนอาจจะไม่เคยเห็นต้นนั้นมาก่อน พอเห็นแล้วก็ชอบเลยไปตามหาซื้อมากกว่า พอมีคนอยากได้เยอะ แต่จำนวนของมีเท่าเดิม ราคาก็ปรับขึ้นตามปกติของกลไกตลาด
ฟังแล้วก็คิดว่านี่มันหลักเศรษฐศาสตร์ชัดๆเลยนี่นา ถ้าถามเราว่าดีมั้ยก็คิดว่าดีนะ อย่างน้อยก็ช่วยให้คนปลูกต้นไม้กันเยอะขึ้น สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีโดยที่ไม่ต้องลงทุนโฆษณา
เดินมาอีกหน่อยก็เจอกับร้านที่คึกคักที่สุดในตลาด ซึ่งจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากบอนสี ลูกค้าทั้งแย่งกันถาม แย่งกันต่อราคาและแย่งกันซื้อ ขายดีกันแบบเทน้ำเทท่า เห็นแล้วก็อดดีใจกับเค้าไม่ได้ เพราะบอนสีเป็นต้นไม้ที่ตลาดซบเซามานาน
เราเคยเห็นบอนสีขายกันสามกระถางร้อยบ้าง สองกระถางร้อยบ้าง มาวันนี้พันธุ์เดียวกันทำเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย ไม่ต้องถามถึงราคานะ เอาแค่มีของให้ซื้อมั้ยดีกว่า
กลายเป็นว่าชาวบ้านที่ไม่เคยสนใจต้นไม้ต้นไร่พวกนี้ก็พากันขุดต้นอะไรที่ดูแปลกตามาถามในกลุ่มตามเฟสบุ๊คกันใหญ่ เผื่อจะฟลุ๊คได้ต้นที่มีราคากะเค้ามั่งเป็นรายได้เสริม
พูดถึงเรื่องบุก บอน เราคิดถึงคุณสุปราณี ที่บุกเบิกการเล่นต้นไม้กลุ่มนี้มานานนม เจ้าของสวนพิชญายิ้มเมื่อถามถึงความเห็นเกี่ยวกับความบูมในช่วงนี้
“ขายมาตั้งแต่ปี 2528 กี่ปีแล้วล่ะ? ปีนี้คือปีที่มีคนเข้ามาเล่นต้นไม้พวกนี้เยอะสุดและราคาสะพัดที่สุด”
“เดิมมันค่อนข้างจำกัดอยู่ในกลุ่มแคบๆอาศัยว่าเราชอบอยู่แล้วก็เลยหามาเลี้ยง บางทีก็นำเข้าสายพันธุ์แปลกๆใหม่ๆมาจากต่างประเทศบ้าง พอมีเยอะหน่อยก็แบ่งออกมาขาย อย่างพวกบอนประดับนี่เลี้ยงมาเป็นสิบยี่สิบปีแล้วแหละ แต่ไม่เคยเห็นมีคนให้ความสนใจเท่ากับตอนนี้”
“ข้อดีคือเด็กๆวัยรุ่นก็เข้ามาสนใจกันเต็มไปหมด จากเดิมที่วนๆกันอยู่ไม่มาก คนเก่าๆอาจจะบ่นว่าแพงนะ แต่ข้อดีคือตอนนี้เราได้คนใหม่ๆเข้ามาในวงการเต็มเลย”
“เชื่อมั้ยว่าอะไรที่สมัยก่อนขายยาก เดี๋ยวนี้กลายเป็นขายดี ยิ่งมีคนซื้อก็ยิ่งมีคนอยากได้เยอะตามไปด้วย อะไรที่ไม่มีคนถามก็ไม่มีใครสนใจ บางทีเราก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่โชคดีที่เก็บพ่อแม่พันธุ์เอาไว้นานแล้วก็เลยพอจะมีจำนวนอยู่บ้าง
“อย่างต้นนี้เป็นต้นที่เก็บมาเองจากอเมริกาใต้ เมื่อก่อนเอามาวางไว้ไม่มีใครมองเลย เพราะมันเป็นใบเขียวๆคนไม่ได้สนใจก็มองผ่าน แต่พอกระแสมาหลายคนก็หันมาจับมาดู”
“มันก็เป็นเทรนด์อย่างนึงเหมือนกันนะ ช่วงนี้เค้าฮิตต้นอะไร คนก็จะมาถามหากัน”
เอาจริงมันไม่ใช่ว่าขายดีแค่ต้นไม้นะ แต่อุปกรณ์การเกษตรหรือของที่เกี่ยวข้องก็นับแบงค์กันไม่ทันเหมือนกัน
นอกจากจะช่วยสร้างอาชีพให้เงินสะพัดแล้วยังช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับตลาดอีกด้วย สมัยก่อนไปซื้อกระถางก็มีอยู่ไม่กี่แบบ บางทีก็ไม่สวย เขรอะมั่งเก่ามั่ง ดีไซน์แสนเชย ปลูกต้นละพันต้นละหมื่นก็ใช้กระถางลายมังกรมั่ง พลาสติกสีดำบางๆมั่ง ก็เรียกว่าหาดีสุดได้แค่นั้น
มาตอนนี้เรอะ โอ้โห สารพัดจะมีให้เลือก จะเอาแบบไหนล่ะ? เกรดเอเกรดบี สีชมพูไปจนถึงฟ้าพาสเทล ลองดูจากกองกระถางพลาสติกสารพัดแบบสารพัดสีที่สูงท่วมเต๊นท์จนบังคนขายที่อยู่ด้านหลังมิดนี่ก็ได้
“เมื่อก่อนเราขายบอนไซ แต่ตลาดมาแบบนี้ก็ต้องปรับตัว เพิ่มไม้ใบที่เคยเป็นของสะสมออกมาขายด้วย” คุณดา เจ้าของร้านบอกก่อนจะหันไปตอบคำถามลูกค้าที่เดินเข้ามาตลอดเวลา
“เชื่อมั้ยว่าคนขายต้นไม้ที่รู้จักหลายคนลืมตาอ้าปากกันได้ก็จากช่วงนี้ ดูได้จากเพื่อนๆเจ้าของฟาร์มบนเฟสบุ๊คที่ทยอยโพสรูปโฉนดใหม่ รถคันใหม่ บ้านหลังใหม่กันแทบทุกวัน เห็นแล้วก็ดีใจกับเค้าด้วยนะ”
เราว่าไม่ใช่แค่คนรุ่นพี่ๆหรอก ขนาดเด็กๆที่ยังเรียนไม่จบ บางคนหาเงินใช้หนี้ก้อนใหญ่ให้ครอบครัวได้ ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ มีเงินส่งน้องเรียนจนจบไปอีกนาน นี่ถ้าไม่ยอมเปลี่ยนก็เสียโอกาสดีๆที่มีไม่บ่อยไปแน่ๆ
ฟังแล้วคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการนี้อาจจะบอกว่าเวอร์ แต่ถ้าลองมาทำความรู้จักก็จะรู้ว่ามันคือเรื่องจริง
“พี่ว่าตอนนี้คาดเดาอะไรไม่ได้เลย ชอบมีคนมาถามว่าต่อไปต้นอะไรจะขึ้นราคา ถ้าพี่รู้ป่านนี้ก็รวยไปแล้ว (หัวเราะ) บางทีตื่นมาแล้วราคาเปลี่ยนเหมือนหุ้น เราก็ต้องคอยดูว่าคนอื่นเค้าขายกันไปเท่าไหร่ ไม่งั้นก็ตกขบวน ตามเค้าไม่ทัน”
“อย่างตอนต้นเงินไหลมาด่างเหลือง ตอนแรกหลักร้อยปลายๆเราก็ว่าราคาสูงแล้วนะ ซักพักนับใบละเป็นพัน ตอนนี้ใบละหลายพัน”
จะว่าไปมันก็ไม่ต่างอะไรกับเล่นหวยเล่นหุ้นเหมือนกันนะเนี่ย
พี่ดาบอกว่าสมัยนี้เค้าไม่ต้องรอซื้อต้นไม้กันตามตลาดนัดเหมือนเมื่อก่อน ใครอยากได้อะไรก็ไปเปิดดูบนเฟสบุ๊ค ถ้าตัวดีๆหน่อยก็ต้องรอไปสู้กันตอนที่เค้าเอามาลงประมูล ซึ่งอันนี้แหละที่จะเป็นตัวกำหนดราคาตลาดอีกทางหนึ่ง
ยิ่งถ้าต้นไหนประมูลได้ราคาสูงๆสายพันธุ์นั้นก็เตรียมตัวราคาขึ้นกันได้เลย เพราะหมายความว่ายังมีคนซื้อที่อยากได้อยู่อีกเยอะ แต่ของอาจจะมีปริมาณที่ไม่มากพอ หรือกลายเป็นมาตรฐานใหม่ไปก็มี
ส่วนตัวแล้วเราว่าตลาดต้นไม้วันอังคารก็ยังเดินสนุกอยู่นะ ได้ต่อแม่ค้า ได้ดูว่าชาวบ้านฮิตอะไรกัน ซึ่งคนอื่นก็คงคิดงี้เหมือนกันแหละมั้ง ดูจากวันที่ฝนตกแบบนี้คนยังแน่นแถมพกอุปกรณ์ป้องกันมาแบบเต็มยศ ไม่ว่าจะเป็นร่ม เสื้อกันฝน และ … หมวกกันน็อค (น่าจะกันช็อคจากราคาจนล้มฟาด)
เอ๊ะ หรือจะกันโจรดักที่มาตีหัวเพื่อขโมยต้นไม้ที่ซื้ออีกที?