ในวันที่หัดบินอีกครั้ง

ครบ 1 ปี ที่พนักงานสายการบินต่าง ๆ สมัครใจลาออก ยอมถูกลดเงินเดือน (Reduced Pay) หรือ พักงาน 

โดยไม่มีค่าชดเชย (Leave Without Pay) เพื่อให้บริษัทรอดพ้นจากสภาวะล้มละลาย

‘..การที่เรามานั่งรับเงินเดือนเยอะ ๆ มันไม่แฟร์กับบริษัทเลย ก็เลยเสียสละออกมาตรงนี้ดีกว่า..’ 

เสียงจากพนักงานที่ทำงานสายการบินหนึงในไทยมาทั้งชีวิตโดยไม่หวังอะไรตอบแทน  

พนักงานที่เคยมีรายได้สูง กลายมาเป็นคนหาเช้ากินค่ำที่กำลังรับผิดชอบชีวิตตัวเอง กับอาชีพใหม่ที่พอรอดกันไปวัน ๆ ในเมื่อมีความสามารถจำเพาะ (​specialised skills) ที่ไม่เหมาะกับช่วงวิกฤต Covid-19

แปดโมงเช้าวันอาทิตย์เรานัดกับพี่ ๆ พนักงานสายการบินมาเปิดบูธขายของในงาน Cabin Crew Market ที่ตลาดโพธิ์สุวรรณ ซอยนวลจันทร์ ติดกับถนนเรียบทางด่วนเอกมัยรามอินทรา เพื่อมาติดตามชีวิตหนึ่งปีหลังจากไม่ได้บิน ความสมัครใจ ไม่รับเงินเดือน (leave without pay) หรือลาออกของพี่ ๆ ครั้งนี้ได้บังคับให้คนเป็นลูกเรือมาทั้งชีวิตต้องเปลี่ยนมาเป็นแม่ค้าอย่างไม่ทันตั้งตัว 

สถานการณ์โควิดกำลังสะท้อนความยากของการสร้างอาชีพใหม่ของพนักงานบริการบนเครื่องบิน เราเริ่มคุยกับพี่โจ้ พี่หนุ่ย สองสามีภรรยาเกี่ยวกับชีวิตที่ไม่ได้บิน ผ่านมาแล้ว 334 วันบนพื้นดินสำหรับพี่หนุ่ย และ 400 วันสำหรับพี่โจ้ 

“การทอดหมู มันไม่ยากอะไร แต่การสร้างรายได้เนี่ย มันเหนื่อยกว่า มันใช้พลังงานเยอะกว่าเยอะเลย 

พอเปลี่ยนอาชีพมันค่อนข้างยาก เพราะเราเป็นลูกเรือมา 20 กว่าปี มาทำแบบนี้ก็ปรับตัวยากนิดนึง แต่ก็ต้องปรับ” พี่โจ้กล่าว 

เราสังเกตว่าพี่ ๆ ไม่ได้หยุดมือเลยตั้งแต่เช้า สีหน้าที่ดูเหน็ดเหนื่อยจากอากาศร้อนแต่ก็ยังยิ้มทักทายเรา พี่โจ้บอกเราว่าการเปิดหน้าร้านต้องอาศัยการปรับตัวมากในช่วงแรกที่ยังไม่มีลูกค้ามาติด ทั้งสองเลือกอดทนและทำต่อไปเรื่อย ๆ จนวันนี้เริ่มมีลูกค้ามากขึ้นทำให้เราสังเกตว่าพี่ ๆ เริ่มสนุกกับการทำอาหารและกำลังจะมีเมนูใหม่เพิ่มด้วย พี่โจ้ยิ้มให้กับเราก่อนจากกัน พร้อมขอตัวไปทำอาหารต่อ

ครบหนึ่งปีที่สองลูกเรือที่ไม่ได้บิน วันนี้สองสาวมีสินค้าสวย ๆ จากตู้เสื้อผ้าตัวเองให้เลือกเต็มไปหมด จากซ้ายคือพี่ฟ้า ทางขวาคือพี่หนึ่ง ผ่านมาแล้ว 365 วัน ที่ทั้งสองอยู่บนพื้นดิน ไฟล์ทล่าสุดจากประเทศออสเตรเลียยังทำให้ทั้งคู่คิดถึงการขึ้นไปบินไม่หาย 

พอเราชวนคุยเรื่องการหางานใหม่ ทั้งสองสาวกลับภาวนาให้ได้บินอีกครั้งมากกว่าคิดจะยอมแพ้ตอนนี้ 

“จะให้หนีไปทำงานอะไร เราทำงานบริการมาทั้งชีวิตอะเนอะ การทำงานสายการบินเป็นสิ่งที่เรารัก นี่กะอยู่จนเกษียณเลยนะแต่เค้าไม่ให้อยู่ต่อแล้ว 

งานนี้เป็นงานในฝัน พอมาทำจริงเราก็ชอบ เราถูกใจเพราะงานมันจบเมื่อจบไฟล์ท พี่ไม่เคยเอางานกลับมาทำที่บ้าน เวลาส่วนตัวคือเวลาส่วนตัว นี่คือเสน่ห์ของการเป็นแอร์

ถ้าเป็นไปได้ก็อยากบิน พี่เป็นนก ชอบเป็นนก ฮ่า ๆ ๆ ๆ ไม่ชอบทำงานออฟฟิศอะ เราอยากทำงานนี้ต่อไป ชอบเพื่อนร่วมงาน ชอบที่เราได้เปลี่ยนบรรยากาศการทำงานไปเรื่อย ๆ” พี่ฟ้าตอบ

เราคิดว่าคนเป็นแอร์สมัครเป็นแอร์เพราะอยากไปเที่ยวซะอีก กลายเป็นว่าพี่หนึ่ง พี่ฟ้า ชอบการทำงานบนเครื่องบินและมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่บนเครื่องบิน ทั้งสองภาวนาให้การขายของเป็นเรื่องชั่วคราวเพราะการขายเสื้อผ้ายังไม่ใช่เรื่องถนัด หรือแม้แต่การโปรโมตร้านที่ทำไม่ค่อยเป็น ต่อให้มีคนเข้ามาสนใจดูของบ้าง แต่ก็ยังไม่มากพอจะทำกำไร 

เดินผ่านหน้าร้านพี่มุก เราได้ยินเสียงหัวเราะตลอดการเฝ้าร้าน พี่มุกบอกกับเราว่าไม่มีปัญหาอะไรกับการขายของเท่ากับพี่ ๆ ท่านอื่น เพราะพี่มุกเล่าให้ฟังว่าปกติขายข้าวแต๋นอยู่แล้วสมัยเป็นแอร์ และพี่มุกก็ดูสนุกกับการขายของมากจริง ๆ เพราะการทำขนมขายคือความชอบ พร้อมย้ำเราว่าการมีสองอาชีพสำคัญมาก ถ้าไม่มีอาชีพสำรองไว้ตอนนี้ก็คงลำบากกว่านี้ 

หันมาอีกทีขนมก็ขายหมดแล้ว พี่มุกบอกกับเราว่าไม่น่าเชื่อว่าวันนี้จะได้ขายขนมเป็นอาชีพหลัก แล้วยังเอาของมือสองมาเสริมด้วยเพื่อแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในบ้าน 

“Is this a polaroid ? I want it too mom !” ผู้เป็นแม่ยิ้มให้กับลูกสาววัย 11 ปี 

พี่มุกชวนน้องช่วยแนะนำร้านเป็นภาษาอังกฤษ ระหว่างที่ทุกคนยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู เรากำลังจันตนาการถึงบรรยากาศตอนพี่มุกพาลูกไปเที่ยวต่างประเทศบ่อย ๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้โควิดจะทำให้อดไปเที่ยวและทำให้แม่ต้องขาดรายได้ แต่ลูกสาวตัวน้อยยืนยันว่าจะมาเฝ้าร้านและมาช่วยขายของที่นี่ทุกอาทิตย์

พี่ ๆ พนักงานภาคพื้นดินกำลังใช้เวลาช่วงวัยใกล้เกษียณมาขายน้ำตาลสด กาแฟ ชาเย็นที่ตลาด เสื้อทีมสีม่วงสะดุดตาทำให้เราต้องเข้าไปทักทาย ทุกคนให้การต้อนรับพร้อมยื่นกาแฟยูซุส้มให้ด้วยใจรักการบริการ แม้จะกังวลเรื่องการมีหนี้สินผ่อนบ้าน แต่อย่างน้อยเราได้รับรอยยิ้มอันอบอุ่นจากพี่ ๆ ไปเต็มเปี่ยม 

“ตอนนี้พี่เกาะสามีแน่นเลย เพราะเค้าเกษียณจากที่นี่แล้วเลยมีเงินเก็บ แต่เราไม่มีเงินเข้ามา 

ตั้งแต่เราย้ายมาสุวรรณภูมิ 10 ปีมานี้เราไม่มีโบนัสเลย ก็ลำบากนิดนึง แล้วสมัยที่ย้ายมาสุวรรณภูมิพี่ตัดสินใจผ่อนบ้านใหม่ด้วย ก็ราคาหลายสิบล้านบาท ตอนนี้ก็เลยมีหนี้อยู่จำนวนนึง จำนวนผ่อนเราเยอะ เลยกำลังรอเงินก้อนกับบริษัท ไม่แน่ใจว่านานขนาดไหนเหมือนกัน…”

ผ่อนบ้านสิบล้านบาท จากมีงานประจำฐานะมั่นคงสู่การขายของ เราคิดว่าหนี้สิบล้านบาทมันใหญ่มากสำหรับคนไม่มีรายได้ช่วงโควิด ถึงแม้ว่าขายของจะพอยังชีพได้วัน ๆ แต่การจ่ายหนี้ต้องอาศัยเงินก้อน การเริ่มปรับตัวเรื่องค่าใช้จ่ายกำลังค่อยเป็นค่อยไปสำหรับครอบครัวนี้

จากปกติเป็นกัปตันดูแลผู้โดยสารเกินร้อยคนบนเครื่องบิน ตอนนี้ต้องมาดูแลลูกค้าที่ตลาด และหาเลี้ยงครอบครัวด้วยวิธีใหม่ แม้ว่าทักษะขับเครื่องบินจะไม่สามารถนำมาใช้ได้ตอนนี้ แต่กัปตันก็ยังไปเข้า flight simulator เพื่ออัปเดตสถานะนักบินกับบริษัทอยู่ตลอด  

ไฟล์ทล่าสุดบินไปซูริค ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ผ่านมาแล้ว 365 วันที่อยู่บนพื้นดิน 

“ลำดับแรกเลยพอรู้ว่าจะไม่ได้บิน เราคิดถึงครอบครัวก่อนว่าจะอยู่กันยังไง” กัปตันบอมกล่าว

จากปกติบินเครื่อง Boeing 777 ไปอเมริกาและยุโรปมากว่า 20 ปี ตอนนี้พี่บอมและภรรยานำกางเกงยีนส์และกระเป๋าปักเลื่อมทำเองมาขาย  แม้ทักษะขับเครื่องบินจะไม่ได้ใช้ตอนนี้ แต่การวางแผนที่ดีช่วยให้ครอบครัวผ่านพ้นวิกฤติได้ 

“สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือการวางแผนด้านการเงิน การปรับใช้ความคิดให้เป็นระบบ ตอนนี้ก็เอาเงินเก็บมาใช้ ส่วนใหญ่พี่ไม่ได้ฟุ่มเฟือยมากนักก็เลยใช้จ่ายตามกำลัง” พี่บอมกล่าวพร้อมอธิบายว่าความสิ้นหวังเกิดขึ้นกับครอบครัวหลังจากเริ่ม lockdownช่วงเดือนธันวาคม 

หน้าร้านขายอาหารเหนือมีการแต่งร้านเป็นเอกลักษณ์น่าตาสะดุดตา ทำให้เราได้พบกับลูกเรือผู้ชื่นชอบการชิมอาหาร พอหยุดบินเพราะโควิดพี่ตุ๊กเลยมีโอกาสฝึกทำอาหารขายเป็นครั้งแรก 

“การขายของช่วงแรกเหนื่อยค่ะ เหนื่อยกว่าบินเยอะไหม อันนี้เหนื่อนคนละแบบ ไม่ถนัดทำอาหารแต่หัดได้ มีพื้นฐานการชอบทานอยู่แล้ว พื้นเพเป็นคนชอบทำกับข้าวอยู่แล้ว ยิ่งมาขายของเราเห็นใจคนขายของเค้ามากกก… พอมาทำเองรู้เลยว่ายากมาก กว่าเค้าจะทำของออกมาได้ 1 อย่าง ตอนนี้ซื้อของอะไรไม่ต่อราคาเลย”

พี่ตุ๊กให้สัมภาษณ์ไประหว่างขายของไป มีลูกค้าเข้ามาสนใจข้าวซอยฝีมือพี่ตุ๊กอยู่เรื่อย ๆ เราสังเกตรอยยิ้มของพี่ตุ๊กที่มีให้กับลูกค้า ไม่ต่างอะไรกับตอนที่เราเห็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสวัสดีทักทายผู้โดยสาร 

การให้โอกาสคนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เราพบกับพี่ยุเจ้าของตลาดโพธิ์สุวรรณ ที่กำลังเดินสำรวจตลาดทั้งโซนของสดและส่วนของพนักงานสารการบิน พี่ยุเล่าให้ฟังว่าเริ่มตัดสินใจช่วยเหลือพนักงานที่ได้รับผลกระทบเพราะความผูกพันต่อสายการบินที่เคยช่วยเหลือพี่ยุสมัยตกเครื่องบินที่ต่างประเทศ 

“พี่เริ่มเตรียมตัวจัดตลาดนี้มาตั้งแต่เดือนธันวาคมแล้ว คิดอยากช่วยพนักงานที่ได้รับความเดือดร้อน เริ่มทำเป็นตลาดขายของช่วงคริสต์มาส แล้วตลาดแห่งนี้พี่ไม่ได้คิดค่าเช่า ก็เลยกลัวว่าจะไปเดือดร้อนแม่ค้าในตลาดที่อยู่มาก่อน 

พี่ก็เลยให้ฟรีค่าเช่าทุกคนทั้งแม่ค้าที่ขายโซนตลาดสดไปก่อนสองเดือนกับกลุ่มพนักงานสายการบิน อีกอย่างก็อยากให้พนักงานเหล่านี้เค้าเกิดแรงบันดาลใจ ว่าการขายของมันทำได้ไม่ยากนะ” 

ต่อให้อากาศร้อนแค่ไหน พี่ ๆ ทุกคนยังเต็มใจรอขายของและพร้อมบริการลูกค้าเสมอ การเปลี่ยนอาชีพของพนักงานสายการบินมาเป็นคนค้าขายเป็นเรื่องดีที่ทำให้ครอบครัวได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ลูกสาวคนเล็กของครอบครัวพี่หนึ่ง พี่ฟ้ายิ้มทักทายด้วยความเขินอายพร้อมเชิญชวนให้เราอุดหนุนคุ้กกี้ 

เป็นเวลากว่า 73 วันแล้วที่พี่หนึ่ง สามี บินไฟล์ทจากซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ขณะที่ภรรยา  พี่ฟ้า เลือกลาออกมาได้ 362 วันแล้ว ส่วนไฟล์ทสุดท้ายคือมาจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ 

“คนในครอบครัวต้องช่วยกัน เป็นกำลังใจให้กัน มีไฟในบ้านอย่ามีดวงเดียว” พี่ฟ้าพูดไปพร้อมลูบหัวลูกสาวตัวน้อยหลังบูธ

เราสังเกตเห็นหลายครอบครัวพาลูก ๆ มาช่วยกันขายของแล้วรู้สึกอบอุ่นเป็นพิเศษ การไม่ได้บินก็มีข้อดีอยู่เหมือนกันนะ นอกจากไม่เจอหน้าลูกสาวเราว่าสามี ภรรยาก็ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันบ่อย ๆ  คนนึงไปซิดนีย์ คนนึงอยู่ลอนดอน มาวันนี้ทุกคนได้อยู่ด้วยกันที่กรุงเทพอีกครั้ง

บูธขายเบเกอรี่ร้านนี้คนเยอะเป็นพิเศษ เราเห็นการช่วยเหลือของเพื่อนฝูงสมัยมัธยมของพี่แนตตี้ (ด้านขวาสุดของภาพ) แล้วนึกถึงเพื่อนสนิทตัวเองทันที เราจินตนาการออกเลยว่าถ้าเรามาออกร้านขายขนมแบบนี้ ต้องมีเพื่อน ๆ มานั่งเล่นหลังร้านแบบนี้แน่ ๆ 

ทั้งครัวซองต์ เค้ก ขนมกลีบลำดวนสูตร homemade กับแพกเกจจิ้งหน้าตาน่าทานทำให้เราสัมผัสได้ถึงน้ำใจของทุกคนที่มาช่วยกันลงแรง แม้การตัดสินใจครั้งนี้ของพี่แนตตี้จะทำให้คิดถึงสายการบินมากแค่ไหน แต่กำลังใจจากคนรอบข้างเป็นสิ่งที่ดีที่สุด 

“พี่คิดวนเรื่อย ๆ เลยว่าจะออกดีไหม มีนาปีที่แล้วเข้าโครงการ together we can คือจะโดนลดเงินเดือนตัวเองไประดับนึงแต่ยังไปทำงานอยู่ ตอนหลังก็ขอความร่วมมือเรื่อง leave without pay ลาโดยบริษัทไม่จ่ายค่าตอบแทน 

แล้วก็รู้ว่าบริษัทไม่ได้บิน แล้วเราคิดว่าการที่เรามานั่งรับเงินเดือนเยอะ ๆ มันไม่แฟร์กับบริษัทเลย ก็เลยเสียสละออกมาตรงนี้ดีกว่า เดี๋ยวมาใช้เงินเก็บตัวเองไปก่อน อย่างน้อยก็หวังว่าให้บริษัทได้ฟื้นตัวเร็ว ๆ ส่วนหนึ่งก็รู้สึกภูมิใจ”

เราเห็นชีวิตพี่ ๆ นักขายของมือใหม่ แล้วรู้สึกตื่นเต้นกับการเดินทางใหม่ของชีวิต แม้จะไม่ได้บินและไม่ได้อยู่กับการทำงานที่ตัวเองรัก อย่างน้อยทุกคนก็ได้กลับไปใกล้ชิดเพื่อนเก่าและครอบครัวอีกครั้ง ต่อให้วิกฤติโควิด-19 กำลังกระทบชีวิตคนทำงานสายการบินทั่วประเทศและไม่รู้อีกกี่ล้านคนทั่วโลก เราหวังว่าทุกคนจะได้รับกำลังใจดี ๆ จากคนรอบข้าง 

อนาคตของพนักงานสายการบินต้องรอการฟื้นฟูธุรกิจไปอีกสักระยะ ไม่มีใครสามารถรับประกันความแน่นอนได้ว่าทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกเมื่อไหร่ 

เราหวังว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะช่วยให้ทุกคนแข็งแรงขึ้นและมีความสุขกับการใช้ชีวิตต่อไป

Loading next article...