ไม่รู้ว่าตอนมาทำงานวันแรก ๆ พวกพี่เขาท้อบ้างหรือเปล่า
มันเหม็นเปรี้ยว ๆ แต่พอสูดเข้าไปเยอะ ๆ ก็เป็นกลิ่นขมคอ และเหม็นเหมือนมีจิ้งจกหรือหนูเข้ามานอนตายในรูจมูก และยิ่งอยู่นานจำนวนที่เข้ามานอนตายก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
จำได้ว่าตั้งแต่เกิดมา วันนี้คือวันที่ผมเหม็นที่สุดในชีวิต มันติดตามตัวไปหมด ทุกอย่างที่อยู่นอกร่มผ้าจะกลายเป็นกลิ่นขยะ แม้แต่แว่นตา ที่พอกลับบ้านต้องเอาสบู่ล้าง แถมกลิ่นยังติดผมนานจนผมอาบน้ำสระผมเสร็จแล้วหนึ่งรอบ แต่กลิ่นยังติดผมอยู่ เลยต้องเข้าไปสระผมอีกสามรอบ ส่วนกลิ่นที่ติดจมูกก็เพิ่งหายเมื่อกี้เองครับ ตอนผมนั่งเขียนบทความนี้ในอีก 1-2 วัน ให้หลัง
ลองนึกภาพเอารถยนต์ขนาดเล็ก 600 คัน มาวางสุม ๆ กันหนึ่งกอง นั่นแหละครับ ขยะที่โรงขยะแห่งนี้รับมาต่อวัน
ตอนทิ้งทั้งผมและคุณ ๆ ก็คงเห็นเป็นขยะชิ้นเล็ก ๆ นั่นแหละ แต่คงจะจินตนาการไม่ออกว่าเมื่อชิ้นเล็ก ๆ พวกนั้นมารวมกัน มันจะกลายเป็นกองใหญ่ขนาดนี้
ในระยะสายตาข้างหน้าทั้งเมื่อดูจากในกล้องและด้วยตาเปล่า ผมแทบจะมองไม่เห็นพี่พนักงานเลยถ้าพี่เขาไม่ได้ขยับอยู่ เพราะว่ากลืนไปกับกองขยะหมดเลย
จะว่าไป…นี่เราใช้พลาสติกกันเยอะเกินไปไหมครับ? เราติดสบายกันเกินไปหรือเปล่า
รถคันนี้น่าจะเป็นคันสุดท้ายที่เข้ามาเทขยะ เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่ากระบวนการจะเสร็จประมาณเที่ยง ๆ บ่าย ๆ
มันเหม็นขนาดที่ว่าถ้าหลังจากนี้เวลาเราเดินผ่านถังขยะข้างถนน แล้วมีน้ำขยะไหลออกมาหน่อยนึง นั่นคงกลายเป็นหอมไปเลย
คราวหน้าลองกินอาหารให้หมดจานกันดีไหมครับ
ท่าทางจะเจอกลิ่นเหม็นจนชิน ต่างกับผมที่ลมแทบจับทุกครั้งที่ไอขยะลอยมาโดนหน้า
ถ้าใครจินตนาการไม่ออกก็ให้นึกถึงห้องซาวน่าที่เปลี่ยนจากไอน้ำเป็นไอขยะ เพราะตอนนี้อากาศด้านนอกกำลังร้อนได้ที่เลย
จะมีซักกี่ครั้งเชียวที่เรานึกถึงปลายทาง? เพราะยิ่งต้นทางสบายเท่าไหร่ ปลายทางก็ยิ่งลำบากเท่านั้น
คือหลายครั้งนะที่รู้สึกว่าแบบบรรจุภัณฑ์ หรือแพ็กเกจต่าง ๆ ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเอื้อกับสิ่งแวดล้อมเท่าไหร่นัก
จริง ๆ เวลาเราใช้ภาชนะพลาสติกที่ใช้แล้วทิ้ง ถ้าเราล้างทำความสะอาดก่อนจะทิ้ง ก็ช่วยได้เยอะนะ
แต่ตอนทิ้งก็ต้องแยกถุงขยะสะอาดกับขยะเลอะด้วย
จริง ๆ ณ ปัจจุบันดูเหมือนว่าขยะส่วนใหญ่ถูกนำไปแปรรูปใช้ประโยชน์แทบทั้งนั้น
แต่มันควรแล้วเหรอที่มันจะต้องกองใหญ่ขนาดนี้?