แต่ถ้าถามบุ๊ค ธนายุทธ ณ อยุธยา หรือที่คนอื่นรู้จักกันในชื่อ ‘Elevenfinger’ ว่าที่นี่คืออะไร?
คำตอบของเด็กหนุ่มที่เริ่มทำเพลงด้วยตัวเองตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น บอกว่าคือ ‘บ้าน’
บ้านที่คนอื่นบอกว่าเป็นชุมชนแออัด เต็มไปด้วยยาเสพติด และความรุนแรง
แต่มันบ้านที่เขาพร้อมจะอวดทุกคนอย่างภูมิใจผ่านเสียงดนตรี
…..
“เชื่อไหมว่าช่วงแรกๆผมเป็นเด็กเรียนเก่ง ได้ที่หนึ่งหรือที่สองสลับอยู่แค่นี้ ผมเป็นคนอยู่ในกรอบ เชื่อฟังครอบครัว คิดว่าการเรียนทำให้เราประสบความสำเร็จได้ แต่พอขึ้น ม. ปลาย ผมเห็นคนที่เรียนจบหลายๆคน เอาตัวรอดไม่ได้ ผมก็เลยเปลี่ยนความคิดว่าคนที่ไม่เรียนก็ประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน แค่ต้องรู้จักตัวเองให้ดีพอ มุ่งมั่นไปทางนั้น แล้วทำให้เต็มที่
“ผมตัดสินใจเลือกอาชีพนักร้อง ในโรงเรียนไม่มีใครเชื่อว่าการเป็นแรพเปอร์จะมีเงินพอเลี้ยงตัวเอง เค้าเชื่อว่าการเรียนจบอย่างเดียวเท่านั้นถึงจะยกระดับได้ แต่ผมไม่ได้คิดแบบนั้น คนเราจะตายวันตายพรุ่งไม่รู้ การรู้จักตัวเองไว ทำให้เราได้เปรียบ ถึงมันจะเหนื่อยแต่สนุก เพราะเป็นสิ่งที่เราชอบ ชีวิตผมลำบากอยู่แล้ว แต่กล้าที่จะเสียงเพราะมันมีโอกาสที่ดีกว่า ผมเชื่อว่าถ้าเราทำไปโดยที่ไม่เลิกพยายาม วันหนึ่งมันจะตอบแทนเราอย่างคุ้มค่า”
“ผู้ใหญ่ชอบพูดว่าเขาผ่านน้ำร้อนมาก่อน เด็กจะไปรู้อะไร ผมเลยชอบตั้งชื่อเพลงว่าเด็ก ให้คนรู้ว่านี่คือสิ่งที่เด็กคนหนึ่งพบเจอ บางทีมันหนักหนากว่าอีก จริงๆผมก็คิดว่าผมไม่เด็กแล้วแหละ แต่ผมมันเป็นกิมมิคที่อยากจะสื่อว่าเด็กบางคนต้องเจอเรื่องยากๆมากกว่าผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ
“ผมคิดว่าวันหนึ่งจะเป็นผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสเด็ก ไม่ปิดกั้นความคิดคนอื่น แค่แนะนำเค้าว่าลองทำแบบนี้สิ โดยที่ไม่ตัดสิน เพราะคิดว่าตอนเด็กๆผมโดนปิดกั้นมามากพอแล้ว โรงเรียนไม่มีเวทีให้เด็กได้แสดงออกอะไรแบบนี้ เค้าชอบบอกว่าอยากให้เป็นแบบนั้นแบบนี้ เค้าคิดว่าความคิดตัวเองถูกต้อง อยากให้เค้ารับฟังความเห็นของเด็กมากขึ้น ผมจะเป็นคนที่ตรงกันข้ามกับคนที่ผมเคยโดนมา”
ในวันนี้เขามีแรงจุนเจือที่บ้าน และยืนได้ด้วยตัวเองจากการร้องเพลงโดยที่ไม่ต้องทำงานอื่น เขาบอกว่าถ้าวันนั้นไม่เลือกทางนี้ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้จะยืนอยู่ตรงจุดไหน
“ครอบครัวผมบอกว่าให้ลองทำสิ่งที่ไม่ดีก่อน เพราะมันจะสอนให้มีประสบการณ์ ผมก็คิดว่าการทำเรื่องที่ไม่ดีก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เพราะถ้าเราไม่ลองอยู่ในจุดนั้น เราก็ไม่มีทางเข้าใจ แต่ในทางกลับกัน มันทำให้เราคิดถึงคนอื่นมากขึ้น คนสมัยนี้แปลก คุณไม่เคยทำในสิ่งที่เค้าทำ กลับพูดเหมือนรู้จักเค้าดี คนไทยควรปรับเรื่องนี้ การเข้าใจคนอื่น คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะไปตัดสินเค้า เค้าอาจจะมีเหตุผลของเค้า ไม่ใช่ว่าสังคมเกลียดเรื่องนี้ คุณเลยต้องเกลียดตาม”
“ถ้าถามว่าคนกลุ่มนี้มีเยอะไหม ผมว่าเยอะ ดูง่ายๆ ร้านอาหารส่วนใหญ่ในนี้ก็อาหารอีสานทั้งนั้น แต่ถ้าลองวัดกัน ผมคิดว่าคนดั้งเดิมในพื้นที่เยอะกว่า เพราะไม่ค่อยมีการย้ายออก แต่มีคนเข้าตลอด ส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป แบกหาม ทำงานบริษัท พูดง่ายๆว่าแรงงานที่เป็นคนไทยในกรุงเทพฯส่วนใหญ่อาศัยอยู่ที่นี่ ตอนเช้าก็อาบน้ำแต่งตัว กระจายไปทำงานที่ต่างๆ เย็นก็กลับบ้าน เป็นฟันเฟืองที่คอยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ ถ้าคนที่นี่หายไป แรงงานที่คอยซัพพอร์ตก็จะหายไปด้วย คุณคิดเหรอว่าจะมีคนอยากมาเป็นยาม คนทุกคนก็ทะนงในตัวเอง ไม่อยากทำงานที่อยู่ต่ำกว่าความคิดตัวเองหรอก
ในฐานะที่เกิดและเติบโตที่นี่มาทั้งชีวิต บุ๊คสะท้อนและถ่ายทอดภาพของคนคลองเตยในฐานะคน ‘ข้างใน’ ให้คนข้างนอกอย่างเราได้เห็นอีกแง่มุมหนึ่ง มุมที่เขาบอกว่าคนที่นี่ไม่เคยมีใครฆ่าตัวตายเพราะความลำบาก
“สิ่งที่ผมเห็นว่าคนที่นี่มีมากกว่าคนข้างนอกเยอะคือความขยัน ความอดทน บางคนทำงานออฟฟิศกลับมาถึงบ้าน วิ่งรับงานอย่างอื่นต่อ ประสบการณ์สอนให้เค้าต้องขยัน เพราะไม่ขยันก็อดตาย เค้ารู้ว่าถ้าไม่ทำชีวิตจะลำบาก ความเหนื่อยมันคุ้มค่า ถ้าทำแล้วลูกเมียมีกิน มีเงินจ่ายค่าบ้านค่าไฟ คนที่นี่มีความสามารถหลากหลายนะ ถึงพื้นที่จะจำกัด แต่อิสระทางความคิดมันไม่จำกัดตาม เราก็ไปสร้างโอกาส คัดตัวข้างนอกเอา มัวแต่นั่งรอไม่ได้ ผมไม่เคยคิดว่าจะมายืนตรงจุดนี้หรอก แต่ผมก็ไม่เคยหยุดพยายาม
“ผมอยู่ในที่ที่คนอื่นมองว่าด้อยโอกาส แต่ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นแบบนั้น โอกาสมีอยู่ทุกที่ ทุกอย่างก็คือโอกาส มันมีเยอะด้วยซ้ำ เพราะคุณเลือกสิ่งที่คุณอยากเป็นก่อน คุณเลยมองว่ามันไม่มีโอกาส ทำไมไม่ลองทำอะไรหลายๆอย่าง แล้วเอาประสบการณ์มาใช้ล่ะ อย่างผมอยากเป็นนักร้อง แต่ก่อนหน้านั้นผมไปเป็นนักกีฬามาก่อน ถามว่าดียังไง มันส่งผลให้ปอดผมใหญ่ขึ้น ทำอะไรวางแผน มีระเบียบวินัย ถ้าพลาดต้องมีแผนสำรอง ผมไปแข่งเกม ทำให้ผมมีคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ไว้สื่อสารกับคน ทุกอย่างมีข้อดีหมดเลย
“มันเป็นสิ่งที่ยากนะ แต่มันเป็นไปได้ แค่อยู่ในที่ที่เหมาะสม และไม่หลุดไปจากเส้นทางที่คุณจะเป็นซะก่อน ซ้อม ฝึก พยายาม ไม่พอ ต้องเรียนรู้ด้วย พลาดเยอะๆ เรียนรู้เยอะๆ ถ้าคุณมีโอกาสทำอะไรซีกอย่าง คุณต้องใช้สิ่งนั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณให้ได้ คุณไม่ได้ด้อยโอกาส แค่ใช้โอกาสได้ไม่คุ้มค่าเท่านั้นเอง”
“ผมคิดว่าถ้าผมไม่เกิดที่นี่ ไม่มีทางที่คนจะรู้จักผม ผมเริ่มต้นมาไม่เหมือนคนอื่น เริ่มจากสิ่งที่ที่นี่มันมี หล่อหลอมให้มันเป็นผม มันมีความลำบาก มันมีความยากแค้น ผมคิดว่าไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือขอทาน ก็มีสิทธิ์เลือกที่จะเป็นได้ อาจจะมีต้นทุนมากกว่า แต่ภายในใจอาจจะมีค่ามากกว่าก็ได้ คุณค่าไม่ได้อยู่ที่สิ่งของแต่อยู่ที่ใจ
“ถามว่าถ้ามีเงินเยอะกว่านี้แล้วจะอยู่คลองเตยอีกไหม บอกเลยว่าอยู่แน่ๆ”