กลับเข้าสู่วงการการ Work From Home อีกครั้งนะทุกคน!! แต่เรามีสมาธิทำงานที่บ้านกันจริง ๆ ใช่มั้ย!?!
สำหรับงานบางประเภทการยกงานที่ออฟฟิศกลับมาทำที่บ้านก็อาจจะยากกว่าเดิม ด้วยหลาย ๆ ปัจจัยไม่ว่าจะด้วยบรรยากาศ ความลำบากในการจัดการสิ่งต่าง ๆ หรืออื่น ๆ
ในวันหยุดชดเชยวันแรงงานวันนี้ — เรามาย้อนดูกันว่าในช่วงวิกฤติแบบนี้ จะกลายเป็น New Normal หรือ New Pain In The Ass เราทุกคนก็แค่จำใจ (หรือยินดี) ยอมรับมันเข้ามาในชีวิต
เชื่อว่าตอนนี้หลาย ๆ คนคงต้องนั่งทำงานจากที่บ้าน ( Work From Home ) กันเป็นเรื่องปกติ ด้วยความจำเป็นจากวิกฤต COVID-19
ประชากรส่วนใหญ่ที่เคยชินกับบรรยากาศของการทำงานในออฟฟิศที่เป็น Routine ที่มีเสียงคุยกับเบา ๆ เสียงหัวเราะ เสียงชงกาแฟ เสียงออฟฟิศข้าง ๆ คุยกันเสียงดัง ก็อาจจะต้องเจอกับการปรับตัวครั้งใหญ่
เพราะเสียงเหล่านั้นจะถูกแทนด้วยเสียงทำกับข้าวของภรรยา เสียงลูกร้อง เสียงดูทีวี ใครชอบก็ดีไปใครไม่ชอบก็ซวยหน่อย
แต่พี่วิชัย มาตกุล Creative Director ของ Salmon Lab บอกกับเราตั้งแต่โทรคุยกันเล่น ๆ เเล้วว่าการ Work From Home ให้มีประสิทธิภาพ นั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเค้า
วันนี้เราเข้ามาเยี่ยมบ้านพี่วิชัยเพื่อมาสังเกตและพูดคุยถึงถึงปัญหาของการ Work From Home… เอ๊ะ หรือจะเรียกว่าฟังพี่เค้าบ่นอย่างมีเหตุผลดีนะ เพราะแม้แต่เราเองที่ปกติจะชอบปลีกตัวจากออฟฟิศไปนั่งเขียนอะไรเงียบ ๆ คนเดียวที่หอก็ยังท้อ เมื่อเจอการ Work From Home ติด ๆ กัน… เพราะมันทั้งหม่นหมอง มันเปื่อย มันคิดอะไรไม่ออกไปหมด
“ถ้าจะแถ เราว่ามันก็ทำที่บ้านได้ทั้งหมดนั่นแหละ ถ้าจะแค่คุย เห็นหน้า มีเสียงพูดออกมา real time แต่สำหรับเรา ภาษาในการสื่อสารมันไม่ใช่แค่เห็นหน้ากับมีเสียงพูดไง มันมีแววตา มันมีสีหน้า ภาษามือ ท่าทาง การนั่ง อะไรแบบนี้ มันหลายอย่าง เราเลยรู้สึกว่าหลายอย่างมันต้องเจอกัน” – พี่วิชัยเล่าให้ฟัง
ซึ่งเรื่องนี้เห็นด้วยมาก เราไม่เคยจะรู้สึกว่าการประชุมผ่าน Zoom หรือการแก้งานออนไลน์จะเร็วและมีประสิทธิภาพเท่ากับมีเจอกันต่อหน้าเลย… นี่พูดถึงแค่ในขอบเขตของการทำงานด้วยนะ ยังไม่นับเด็กอีกเป็นแสนเป็นล้านคนที่ตอนนี้ต้องเรียนออนไลน์… ไม่รู้ว่าเรียนรู้เรื่องกันหรือเปล่า เพราะตอนนี้เราเองก็ยังประชุมไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนกัน ฮ่า ๆ
“ยกตัวอย่างง่าย ๆ แก้อาร์ตเวิร์กอะ มึงแก้ออนไลน์ แก้ยังไงมันก็แก้ไปเหอะ แต่ถ้ามึงมาอยู่หน้าจอกันก็แก้ไปเลย ตรงนี้ ๆ ปึ๊บ ๆๆๆ จบ! เก็ตปะ?” – พี่วิชัยอธิบายให้เราฟังด้วยน้ำเสียงฉะฉานแต่เต็มไปด้วยความเซ็ง
สองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว และออฟฟิศมีหลายหัวที่พร้อมจะคุยกันแบบ Real time โดยไม่ต้อง Zoom call จึงไม่แปลกที่บางคนจะรู้สึกว่าได้ไอเดียใหม่ ๆ จากการทำงานออฟฟิศมากกว่า หรือถ้าคิดไม่ออกอย่างน้อยก็ไม่เหงาล่ะนะ
“การคิดไม่ออกอะ การคิดไม่ออกคนเดียวแม่ง… เชี่ย เหงานะ คือแม่งเหี้ยมากนะ แต่ถ้าคิดไม่ออกหลายคนคือ อะ ๆๆ หาอะไรซื้อมากินกัน อะไปเดินเล่นห้างกัน มัน…มัน… อย่างน้อยมันไม่ได้แย่ขนาดนั้นอะ
เราต้องยอมรับว่าระยะเวลาของการคิดไม่ออกที่ออฟฟิศมันรู้สึกแย่น้อยกว่าการคิดไม่ออกคนเดียว” – พี่วิชัยบอกเรา
มีเพื่อนอะนะ เข้าใจ…
ถ้าเราทำอะไรพลาดหรือคิดอะไรไม่ออกที่ออฟฟิศ เรายังมีที่พักใจ หรือคนที่สบายใจ ให้กลับเรากลับไปหา มันเหมือนกับว่า อะ! คิดงานไม่ออก กลับบ้านดีกว่า แต่พอเราดันต้องมา Work From Home มันเหมือนกับว่าเราไม่มีที่ให้กลับไปอีกแล้ว เราถอยมากไปกว่านี้ไม่ได้ละ
“มันเหมือนว่าภาวะเรามันหลังพิงฝาแล้วอะ อยู่ออฟฟิศคิดไม่ออกโว้ย ปะ กลับบ้าน แต่พออยู่บ้านปุ๊บ คิดไม่ออกโว้ย แล้วไปไหนต่ออะ? มันยิ่ง มันยิ่ง… วุ่นวายใจอะ” – พี่วิชัยพูดให้เราฟัง และนั่นทำให้เรารู้ว่าพวกเราต่างเห็นพ้องต้องกันในเรื่องนี้
ที่สำคัญบางทีก็แอบเผลอทำตัวหม่น ๆ กับคนที่บ้านด้วยน่ะสิ เพราะการที่คิดงานไม่ออกแล้วเผลอทำหน้ามุ่ยอารมณ์เสียออกมา มันก็กระอักกระอ่วนใจไม่น้อย แต่ก็คงเป็นเรื่องปกติพอ ๆ กับการที่เราได้กินไก่บอนชอนแล้วจะเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“มันต้อง balance อะ ถ้าเราอยู่กับงานมากไปเราก็จะกลายเป็น asshole ของบ้านหรือครอบครัว ซึ่งเราก็เป็นอยู่นะ บางที สมมติว่าเราคิดงานไม่ออกอะ แต่อยู่บ้าน เราก็ไม่รู้จะไปไหน มันก็จะเป็นมลภาวะอยู่ในบ้าน”
คนโสดคงไม่เท่าไหร่ แต่คนที่อยู่ในบ้านที่มีมากกว่าหนึ่งคงคิดอีกแบบ โดยเฉพาะถ้ามีลูก
“จะโดนลูกกวนก็ตอนเปิดประตูเข้าเปิดประตูออก หรือเดินเข้ามา ป๊ะป๋าดูนี่หน่อยสิ”
“มันเสียสมาธิมั้ยครับพี่?”
“เสียมาก… เสียอย่างมาก” พี่วิชัยบอกเราก่อนจะหัวเราะก๊ากออกมาพรวดใหญ่อย่างยอมจำนนต่อความไร้เดียงสาของน้องไทธรรม์ ลูกชายวัยกำลังซน
จากนั้นก็เล่าต่อว่าหลัง ๆ ถ้าต้องใช้สมาธิมาก ๆ ก็จะบอกลูกตรง ๆ และใช้วิธีล็อกประตูเอา ซึ่งลูกก็เข้าใจแต่โดยดี
สาเหตุที่ต้องทำอย่างงี้ก็เพราะว่ากว่าจะเข้าไปถึงช่วงเวลาในการทำงานที่เรียกว่า ‘จุดติด’ มีสมาธิ สมองเเล่น ทำงานได้อย่างลื่นไหลแล้วต้องใช้เวลานานพอสมควร และแม้จะจุดติดแล้วก็สามารถ ‘ดับ’ ได้ด้วยสิ่งรบกวนภายนอกเพียงเล็กน้อย
หลังถ่ายภาพนี้ไม่นานน้องไทธรรม์ก็ทำลูกบอลยางสำหรับบีบแตก มีเม็ดยางเล็ก ๆ หลุดกระจายมาเต็มพื้น… ให้ทายว่าใครเป็นคนเก็บ?
เราว่า Work From Home มักจะเป็นไปด้วยความเบื่อและชวนง่วงตลอดเวลา (ยกเว้นตอบแอบอู้) แถมแรงจูงใจที่เคยจูงใจให้เดินไปเปิดงานขึ้นมาทำ ก็กลับจูงใจให้เปิดแอร์นอนซะอย่างนั้น เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะเคยผ่านความรู้สึกประมาณนี้มาบ้าง
ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองที่มีความเงียบเหมือนกัน แต่ในความเงียบของออฟฟิศเรายังได้อยู่ในบรรยากาศที่ทุกคนกำลังขยัน
มันไม่แปลกเลยถ้าใครอยู่ในบรรยากาศที่แบบนั้นแล้วจะขยันตาม แต่ในบางเวลามันก็ยากไม่เบาที่จะต้องทำตัวขยันในบรรยากาศที่ชวนขี้เกียจ…
ส่วนความเงียบและบรรยากาศที่บ้านน่ะเหรอ?
“ความเงียบที่บ้านมัน… มันดึงไม่ให้เราทำงานอะ คือมึงควรนอนอะ แบบลมพัด นั่งดูทีวี แล้วหลับไปเลย อะไรแบบนี้” – พอพี่วิชัยพูดจบก็ขำออกมาเสียงดังแบบสะใจที่ได้ระบาย
อย่างตอนที่เรากำลังพิมพ์บทความนี้ก็มีเสียงตู๊ด ๆๆๆๆๆ จากการที่น้องเลื่อน Cursor เพื่อเลือกหนังดูในทีวี จะว่าไปซีรีส์เมื่อคืนยังดูไม่จบเลย… ว่าแต่น้องเรามันไม่ทำงานเหรอเนี่ย?
ว่าแล้วก็หาววววว… ต่ออีกหนึ่งฟอด
การทำงานคือการรับมือกับอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น ทั้งจากในออฟฟิศและจากลูกค้า การทำงานที่มีประสิทธิภาพคือการที่เราสามารถที่จะจัดการกับตรงส่วนนั้นได้อย่างเต็มที่
“คือกูแค่ต้องการให้งานเสร็จซักอย่างจะได้รู้ว่ายังมีประสิทธิภาพอยู่”
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้การทำงานที่บ้านกินพลังงานมากคือการที่ต้องจัดการกับงานไปพร้อม ๆ กับจัดการเรื่องในบ้านอย่าง ลูกค้ากำลังแก้งานผ่านทางไลน์กันอยู่ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีบางเรื่องในบ้านที่ต้องจัดการไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งนอกจากจะทำให้เสียสมาธิแล้วยังทำให้งานยากขึ้นด้วย ไม่ใช่ว่าไม่รักหรอกนะ ครอบครัวน่ะรักอยู่แล้วแต่… งานมันไม่เสร็จ
“เราไม่ได้โทษเค้า (ครอบครัว) แต่… แต่เราโทษทุกสถานการณ์ที่ทำให้เราต้องมาทำงานที่บ้าน เราจะโกรธตรงนั้นมากกว่า แล้วเราก็จะโกรธตัวเองที่เราโกรธคนที่บ้านอีกที” – พี่วิชัยขยายความให้เราฟัง
อะไร ๆ ก็คงดูยากไปหมด เมื่อเส้นแบ่งระหว่างที่ทำงานกับที่บ้านมันเริ่มเบลอจนเริ่มไม่ชัดเจน
พี่วิชัยยังคงยืนยันเสียงแข็งว่าที่ทำงานในอุดมคติคือออฟฟิศแบบในปี 2019 ที่ทุกคนเข้ามาเจอหน้าและแลกเปลี่ยนความคิดกัน
“บางคนบอกว่า โหพี่ แต่พี่ประหยัดเวลาขับรถไปเป็นชั่วโมง ขับรถกลับอีกเป็นชั่วโมงนะพี่ พี่เอา 2 ชั่วโมงนั้นไป… ไม่ ๆ ๆๆๆ” พี่วิชัยจำลองบทสนทนาที่เคยมีคนพูดด้วย เพื่อยกตัวอย่างให้เราฟัง
“กูยอม Trade 2 ชั่วโมงที่รถติดเพื่อให้งานกูเสร็จ กูยอมแลกเว่ย” – พี่วิชัยทิ้งท้าย
เอารถติดกลับมา! เอาการเสียเวลาเดินทางแสนเหนื่อยกลับมา !
แต่ต้องขอเรียนด้วยความเคารพครับพี่วิชัย นี่คือความจริงที่โหดร้ายของพวกเรา เพราะดูท่าแล้ว COVID-19 จะอยู่คู่เมืองไทยไปอีกนาน