Burst of…The People
[Burst Of…] คือซีรีย์ที่เล่าเหตุการณ์ ตามความเชื่อที่มีคนกล่าวไว้ว่า “A picture is worth a thousand words” หรือภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดได้เป็นพันคำ ดังนั้นพวกเราจึงแถมอีกอีกสองภาพ รวมเป็นสามภาพที่ถูกถ่ายอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเชื่อว่าช่วงเวลาก่อนและหลังจังหวะสำคัญก็จะช่วยทำให้ภาพ – เล่าเรื่องได้อย่างสมบูรณ์

หากกิจกรรมในการชุมนุมในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2563 ไม่ได้มีแค่การฟังปราศรัยเพียงอย่างเดียว นี่ก็คงเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ส่วนไหนของบริเวณที่จัดชุมนุม คุณก็จะไม่เดินไปเดินมาด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่าอย่างแน่นอน เพราะทุกที่ล้วนมี ‘คนเข้าร่วม’ ทั้งมาเพราะเห็นด้วย มาเพราะเห็นต่าง และก็มาเพราะต้องทำงาน ถ้าการเมืองคือทุกเรื่องรอบตัวเรา งั้นเราก็น่าจะเห็นการเมืองจากคนเข้าร่วมบ้างแหละ

และนี่ก็คือ ‘การเมืองเท่าที่สังเกตเห็นจากคนที่เข้าร่วมชุมนุม’ ในมุมมองของคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าการเมืองอยู่ใกล้ตัวแค่นี้เอง

บางทีการชูสามนิ้วอาจไม่สามารถระบายความโกรธและความทุกข์ที่พบเจอมานานได้ จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นคนรุ่นก่อน ๆ ที่เคยต่อสู้มาก่อนและต่อสู้มาตลอดจะตะโกนสบถออกมาด้วยอารมณ์โกรธส่วนตัว แต่เราก็สามารถรับรู้ความรู้สึกร่วมกันได้
ผู้คนยังคงเดินทางมาสมทบเรื่อย ๆ
รู้ตัวอีกทีคือโดนล้อมไปด้วยผู้ชุมนุมจนเดินออกไปไหนแทบไม่ได้ แต่หลายคนก็ยินดีที่จะยืนอยู่ในความแออัดนี้โดยสมัครใจ
ป้ายและข้อความที่อยู่ถูกที่ถูกเวลา เท่าที่มองเห็น ไม่มีป้ายไหนจะสื่อสารออกมาได้ตรงเท่านี้อีกแล้ว

“เราคือประชาชน”

ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ว่าบุคคลในรูปคือใคร
สมมติว่าบุคคลในรูปคือคนธรรมดาที่ไม่มีชื่อเสียง ไม่ใช่ แอมมี่ 

The Bottom Blues พอเห็นท่าทางการเดินที่ดูสบาย ๆ กับรอยยิ้มที่ยิ้มให้กล้องเราก็คงจะคิดว่าผู้ชุมนุมคนนี้ต้องมาชุมนุมโดยที่ไม่มีความกลัวใด ๆ เป็นแน่แท้
ใช่, ที่ผู้ชุมนุมคนนี้มาชุมนุมด้วยความผ่อนคลายได้อย่างนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเขาอยู่ในสปอร์ตไลท์ คงยากที่จะเกิดการคุกคามหากเทียบกับคนธรรมดาที่ไม่เป็นที่รู้จัก
.
ลองคิดในทางกลับกัน
ไม่ผิดถ้าจะบอกว่าคนมีชื่อเสียงก็คือประชาชนคนหนึ่งที่มีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป แต่ทำไมคนธรรมดาทั่วไปถึงต้องปกปิดตัวเองทุกครั้งที่ออกมาชุมนุม เพียงเพื่อให้รอดพ้นจากการถูกคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่กับใครก็ได้น่ะหรอ เราว่ามันไม่ยุติธรรม

“เลือกความสงบ จบที่หลบแดด”
“เอาไปรองนั่งได้นะครับ”
สองประโยคที่บังเอิญได้ยินตอนกำลังถ่ายรูปนี้

“เผยโฉมหน้าเผด็จการ”
ส่วนประโยคนี้เราคิดเอง

เราเพิ่งสังเกตเห็นอีกฟังก์ชั่นของป้ายประท้วงที่สามารถใช้เป็นอุปกรณ์ประกอบการแสดงสดได้

มีป้ายเป็นพร็อพ
มีคนถือป้ายกับตำรวจเป็นตัวแสดง
มีที่ชุมนุมเป็นเวที
และมีผู้เข้าร่วมชุมนุมเป็นคนดู
โดยที่เนื้อเรื่องของละครสดเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์จริง

จริง ๆ แล้วป้ายนี้คือป้ายโฆษณาหนังสือของเนติวิทย์ที่วางขายอยู่ที่บูธสิงห์ดำแหละ

แต่เอ๋…….คนที่กลัวแม้กระทั่งกระดาษเปล่านี่เขาจะคิดเลยเถิดไปว่านี่คือคำใบ้หรือรหัสลับอะไรทำนองนั้นมั้ยนะ

น้ำดื่มสะอาดจากท่อธรรมชาติไม่ใช่ท่อน้ำเลี้ยง
เพราะเป็นการชุมนุมที่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย เราจึงเห็นแกนนำยืนสนทนากับพระ(ตัวแทนจากขบวนการศาสนาเพื่อมนุษยชาติและสร้างสันติภาพโลกถาวร) ที่มีความคิดเห็นทางการเมืองบางอย่างตรงข้ามกันด้วยท่าที่เป็นมิตรยืนฟังอย่างตั้งใจ ยังไม่หมดแค่นั้น ผู้ที่มาชุมนุมเพราะมีความคิดเห็นตรงกับแกนนำก็ยังรับเอกสารจากพระด้วยท่าทีที่ยินดีจะศึกษาแนวทางที่แตกต่างด้วยเช่นกัน
ประเทศไทยเป็นของประชาชน
ประเทศไทยเป็นของประชาชน
ประเทศไทยเป็นของประชาชน

ผู้ชุมนุมเดินผ่านไปผ่านมา มีทั้งคนที่สนใจอ่านป้ายและไม่ได้สนใจ แต่นั่นคงไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะคนที่เราอยากให้อ่านป้ายที่สุดคงไม่ใช่ผู้ชุมนุมด้วยกันเอง

น้ำดื่มฟรีสำหรับทุกคนที่มาเข้าร่วมชุมนุม
พอเป็นการชุมนุมที่มีนักศึกษาเป็นแกนนำ เราก็เลยได้ยินประโยคทำนองว่า ‘นี่มันรุ่นของเด็ก (เยาวชน)แล้ว ให้เด็กเขาคิดเขาจัดการกันเถอะ เรา(ผู้ใหญ่)คอยสนับสนุนเป็นแนวหลังก็พอ’ อยู่บ่อย ๆ ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะอย่างน้อยการที่เราเห็นผู้ใหญ่รวมไปถึงผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยในการชุมนุมหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมาในช่วงไม่กี่เดือนนี้ก็ทำให้เรารู้ว่า ทุกคนล้วนแล้วแต่อยากให้ปัญหาที่หมักหมมมาหลายสิบปีนี้ ‘จบที่รุ่นเรา’ ด้วยกันทั้งนั้น
ไม่ว่าใครจะบอกว่าชูสามนิ้วด้วยมือขวาคือการกล่าวคำปฏิญาณของลูกเสือ แต่อย่างน้อยในยุคสมัยนี้ทุกคนก็คงจะรู้ว่ามันหมายความว่าอะไร
ฝุ่นที่ท่านเห็นในวันนั้น รวมเป็นดินกลบท่านในวันนี้”

ทุกการกดทับ ทำให้ดินแน่นขึ้น

ป้ายบางป้ายก็มีพลังได้แม้ไม่อยู่ในจุดที่สายตาจะมองเห็น

พอเริ่มเห็นว่าในการชุมนุมแต่ละครั้งมีคนออกมาเรียกร้องประเด็นต่าง ๆ มากมาย ถึงแม้จะไม่ได้ขึ้นพูดบนเวทีแต่ก็มีป้าย มีชุดหรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ ติดตัวมาด้วยตลอด ก็อดคิดไม่ได้ว่าเด็กสเก็ตหลายคนที่เจอในม็อบนี่เค้าก็อาจจะมาเพื่อให้คนเห็นว่าพวกเค้าก็มีตัวตน อืม…ถ้าการเมืองดีคงมีสเก็ตปาร์กเพิ่มขึ้นแน่ ๆ

จะว่าไปก็เห็นแว้บ ๆ ว่ามีเด็กสเก็ตมาไถสเก็ตเก็บขยะด้วยนะ

ขอปรบมือให้กับความกล้าหาญของทุกคนที่กล้าออกมาแสดงจุดยืนของตัวเองแม้รู้ดีว่าจะต้องแลกมาด้วยการมีปากเสียงในครอบครัว การตัดขาดจากญาติมิตร การโดนไล่ออกจากงาน หรือแม้กระทั่งการถูกคุกคามจากเจ้าหน้าที่รัฐ

ขอคารวะจากใจจริง

ภาพที่มีเสียงออกมา
“เห็นใจพี่เถอะ พอดีนายพี่สั่งมา”

เราเชื่อว่าผู้ชุมนุมหลายคนก็เห็นใจตำรวจชั้นผู้น้อยที่ต้องออกมาปฏิบัติงานตามคำสั่งนายอย่างเคร่งครัดเช่นนี้ เหตุผลที่เราเชื่ออย่างนี้ก็เพราะหลายเวทีชุมนุมที่เราไปมา แกนนำมักพูดออกไมค์เพื่อบอกตำรวจทุกคนว่าที่เราออกมาต่อสู้อยู่ทุกวันนี้มันไม่ใช่เพื่อเรา(ประชาชน)เพียงอย่างเดียว เพราะถ้าเรา(ประชาชน)ชนะ เงินเดือนตำรวจก็จะเพิ่มขึ้น ตำรวจจะมีเกียรติและศักดิ์ศรีมามากขึ้น และตำรวจก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้นตามไปด้วย

“พี่ให้พระไว้คุ้มครองน้อง ให้น้องสู้ สู้เพื่อประเทศของเรา พี่ฝากด้วย”
นี่คือใจความสำคัญเท่าที่เราพอจะจับได้จากประโยคยาว ๆ ที่มีเสียงสะอื้นอย่างหนักคลอตลอดบทสนทนา
Loading next article...